ร้อยถ้อยคำพระกรรมฐาน
หลวงปู่มั่นภูริ ทัตตะเถระ วัดป่าสุทาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
"ผู้ปฏิบัติพึงใช้อุบายปัญญาฟังธรรมเทศนาทุกเมื่อ ถึงจะอยู่คนเดียวก็ตาม...คือสำเนียก กำหนดพิจารณาธรรมอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็เป็นรูปธรรมที่มีอยู่ปรากฏอยู่ ..รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสโผฏฐัพพะ ก็มีปรากฏอยู่...ได้เห็นอยู่ ได้ยินอยู่ ได้สูดดม ลิ้มเลีย และสัมผัสอยู่ ...จิตใจเล่า ก็มีอยู่ ความคิดนึกรู้สึกในอารมณ์ต่างๆ ทั้งดีและร้ายก็มีอยู่...ความเสื่อม ความเจริญทั้งภายนอกและภายในนั้นมีอยู่...ธรรมชาติอันมีอยู่โดยธรรมดาเขาแสดงความจริง คือ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ให้ปรากฏอยู่ทุกเมื่อ...เช่น ใบไม้มันหล่นร่วงลงจากต้น ก็แสดงความไม่เที่ยงให้เห็น ดังนี้เป็นต้น
เมื่อผู้ปฏิบัติมาพิจารณาด้วยสติปัญญา โดยอุบายนี้อยู่เสมอชื่อได้ว่าฟังธรรมอยู่ทุกเมื่อ ทั้งกลางวันแกลางคืน
"การให้ทานอันใด ก็ให้กันมากแล้ว ย่อมมีผลานิสงส์มากเหมือนกัน แต่สู้ผู้เข้ามาบวชเป็นตาผ้าขาว เป็นแม่ชีแล้วรักษาศีลอุโบสถไม่ได้ มีอานิสงค์มากกว่าให้ทานนั้นเสียอีก" ถ้าใครอยากได้บุญมากๆ ได้ไปสวรรค์ ไปพระนิพพาน เพื่อการพ้นทุกข์แล้วละก็ควรบวชเป็นตาผ้าขาว เป็นแม่ชีรักษาศีลอุโบสถเสียในวันนี้..
การปฏิบัติสมาธิภาวนานั้น เป็นชื่อแห่งความเพียรที่ผู้รู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายในบวรพระพุทธศาสนา ได้ถือเป็นข้อปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นอย่างยิ่ง ธรรมะที่จะนำมนุษญ์ให้พ้นทุกข์นี้ ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญาเท่านั้น...
กรรมนี้แหละจะจำแนกสัตว์ให้เป็นไปต่างๆนานา ทำให้ เลว ให้ดี ให้ชั่ว ให้ประเสริฐ ก็เป็นผลของกรรมที่ทำไว้ทั้งสิ้น...เราเกิดเป็นมนุษย์มีความสูงศักดิ์มาก แต่อย่านำเรื่องสัตว์มาประพฤติมนุษย์เราจะต่ำลงกว่าสัตว์ และจะเลวกว่าสัตว์อีกมาก เวลาตกนรก จะตกหลุมที่ร้อนกว่าสัตว์มากมาย อย่าพากันทำ..ให้พากันละบาปและบำเพ็ญบุญอย่าให้เสียชีวิตลมหายใจไปเปล่า ที่ได้มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์